ข้าวหอมดอกมะลิ 105 ทุ่งสัมฤทธิ์ ข้าวดีมีคุณภาพ โภชนาการสูง

ข้าวหอมดอกมะลิ 105 ทุ่งสัมฤทธิ์ ปลูกในฤดูนาปี ที่มีชั้นหินเกลือรองรับอยู่ด้านล่างของพื้นที่ ทำให้ข้าวมีเมล็ดเรียวยาว มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ

ข้าวหอมดอกมะลิ 105 ทุ่งสัมฤทธิ์

ข้าว ถือเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตหลักของคนไทยตั้งแต่สมัยก่อนจนมาถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะ ข้าวหอมมะลิ ที่ได้รับความนิยมในการรับประทานมาโดยตลอด เพราะมีความหอมและนุ่มอร่อย แต่รู้กันหรือไม่ว่า ข้าวชนิดนี้มีประโยชน์อะไรบ้าง

บริเวณที่โล่งกว้างนี้เคยเป็นสนามรบระหว่างชาวโคราชและทหารลาวเมื่อครั้งสงครามเจ้าอนุวงศ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 ปัจจุบันมีการสร้าง ศาลสถิตดวงวิญญาณนางสาวบุญเหลือและวีรชน พื้นที่ทุ่งสัมฤทธิ์เป็นเขตเกษตรกรรมที่สําคัญแห่งหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงคือ วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ย่าโมนําชาวโคราชสู้รบกับกองทัพเวียงจันทร์จนได้รับชัยชนะ

การปลูกข้าวหอมมะลิในพื้นที่ทุ่งสัมฤทธิ์ คาดว่าเริ่มมีการนําเข้ามาปลูกหลังจากทางราชการมีการปรับปรุงพันธุ์ข้าวหอมมะลิและรับรองพันธุ์ในปี พ.ศ.2502 ในชื่อพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 โดยในปี พ.ศ. 2524 มีโครงการแลกเปลี่ยนพันธุ์ข้าวทําให้ข้าวหอมมะลิมีการปลูกกันอย่างแพร่หลาย “ข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์” เริ่มมีการใช้ชื่อนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 ซึ่งเป็นปีที่สหกรณ์การเกษตรพิมาย จํากัด ได้รับจดทะเบียนเป็นสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่ทุ่งสัมฤทธิ์ และเป็นหน่วยงานหลักในพื้นที่ทําการรวบรวมข้าวหอมมะลิจากกลุ่มเกษตรกร มาทําการผลิต แปรรูป และจําหน่าย ทําให้ชื่อเสียงของข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ทั้งในและต่างประเทศ

ข้าวหอมดอกมะลิ 105 ทุ่งสัมฤทธิ์

ข้าวหอมมะลิ (Thai jasmine rice) (Official name “Thai Hom Mali”)

ข้าวทุ่งสัมฤทธิ์ ปลูกที่จังหวัดนครราชสีมา ได้รับมาตรฐานสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical indications : GI) เป็นทรัพย์สินทางปัญญา ของท้องถิ่น ซึ่งต้องได้รับการควบคุมทุกขั้นตอนในการผลิต การรักษามาตรฐาน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภค ดินที่ปลูกข้าวทุ่งสัมฤทธิ์ มีลักษณะค่อนข้างเค็ม ซึ่งจะทำให้ข้าวนุ่มหอมกว่าข้าวทั่วไป กระบวนการปลูกและบำรุงรักษาทุกขั้นตอน ด้วยวิธีทางการเกษตรอินทรีย์ ปลอดภัยจากสารเคมีต่างๆเป็นสายพันธุ์ข้าวที่มีถิ่นกำเนิดในไทย มีลักษณะกลิ่นหอมคล้ายใบเตย เป็นพันธุ์ข้าวที่ปลูกที่ไหนในโลกไม่ได้คุณภาพดีเท่ากับปลูกในไทย และเป็นพันธุ์ข้าวที่ทำให้ข้าวไทยเป็นสินค้าส่งออกที่รู้จักไปทั่วโลก

ข้าวหอมทุ่งสัมฤทธิ์ (Thounglamrit Jasmine Rice : Khao Hommali Thoungsamrit) หมายถึง ข้าวเปลือก ข้าวกล้อง และข้าวขาว ที่แปรรูปมาจากข้าวหอมมะลิพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ปลูกในฤดูนาปีพนพื้นที่ทุ่งสัมฤทธิ์ ที่มีชั้นหินเกลือรองรับอยู่ด้านล่างขจองพื้นที่ ครอบคลุมพื้นที่ 14 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา ทำให้ข้าวมีเมล็ดเรียวยาว มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ

ความหอมของข้าวหอมมะลิ เกิดจากสารระเหยชื่อ 2-acetyl-1-pyroline ซึ่งเป็นสารที่ระเหยหายไปได้ การรักษาความหอมของข้าวหอมมะลิให้คงอยู่นานนั้นจึงควรเก็บข้าวไว้ในที่เย็น อุณหภูมิประมาณ 15 องศาเซลเซียส เก็บข้าวเปลือกที่มีความชื้นต่ำ 14-15% ลดความชื้นข้าวเปลือกที่อุณหภูมิไม่สูงเกินไป นักการเกษตรกรบางท่านกล่าวว่า การใช้ปุ๋ยโปตัสเซียมในการปลูก มีแนวโน้มช่วยให้ข้าวมีกลิ่นหอมมากขึ้น

ข้าวขาวดอกมะลิ 105 เป็นข้าวไวแสง ข้าวไวต่อช่วงแสง คือ ข้าวที่จะออกรวงเมื่อแสงแดดน้อยลงจากช่วงเวลาปกติ ซึ่งหลายคนอาจสงสัยแล้วทำไมต้องปลูก ในเมื่อมันควบคุมยาก ที่ต้องปลูกข้าวไวแสงเพราะข้าวหลายสายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติเด่นๆ มันเป็นข้าวที่ถูกควบคุมด้วยยีน หรือพันธุกรรมที่ตกค้างมาจากพันธุ์ป่า หรือพันธุ์ดั้งเดิมที่เกิดจากการปรับตัวตามธรรมชาติ เพื่อให้ดำรงเผ่าพันธุ์ตนเองไว้ได้ เช่น ข้าวขาวดอกมะลิ 105

นายสุนทร สีหะเนิน เจ้าพนักงานข้าว รวบรวมจากอำเภอบางคล้าจังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อ พ.ศ.2493-2494 จำนวน 199 รวง แล้วนำไปคัดเลือกแบบคัดพันธุ์บริสุทธิ์ (pure line selection) และปลูกเปรียบเทียบพันธุ์ที่สถานีทดลองข้าวโคกสำโรง แล้วปลูกเปรียบเทียบพันธุ์ในท้องถิ่น ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จนได้สายพันธุ์ขาวดอกมะลิ 4-2-105 ซึ่งเลข 4 หมายถึง สถานที่เก็บรวงข้าว คืออำเภอบางคล้า เลข 2 หมายถึงพันธุ์ทดสอบที่ 2 คือ ขาวดอกมะลิ และเลข 105 หมายถึง แถวหรือรวงที่ 105 จากจำนวน 199 รวง

ข้าวหอมดอกมะลิ 105 ทุ่งสัมฤทธิ์

การปลูก

1. คัดเลือกเมล็ดพันธุ์ให้บริสุทธิ์ ไม่ให้มีเมล็ดพันธุ์อื่นหรือสิ่งเจือปน เช่น เมล็ด วัชพืช และมีเปอร์เซ็นต์การงอกสูง 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป

2.  เลือกวิธีการปลูกและช่วงเวลาที่เหมาะสม ในเขตชลประทาน หรือนาน้ำฝนที่ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำ ควรทำนาดำ หรือ นาหว่านน้ำตมแผนใหม่ โดยนาดำเริ่มตกกล้าต้นเดือนกรกฎาคม ปักดำต้นสิงหาคม แล้วข้าวจะออกดอกประมาณ 20 ตุลาคม และเก็บเกี่ยวได้ 20 พฤศจิกายน ส่วนนา หว่านน้ำตมแผนใหม่ หว่านประมาณกลางเดือนกรกฎาคม ถึงปลายเดือนกรกฎาคม แล้วเก็บเกี่ยวในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ในพื้นที่ฝนตกน้อยหรือฝนล่า ควรทำนาหว่าน หรือนาหยอด โดยช่วงเวลา ปลูกที่เหมาะสม อยู่ระหว่างต้นเดือนกรกฎาคม ถึงปลายเดือนกรกฎาคมและข้าวจะ เก็บเกี่ยวได้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน

3. การเตรียมดินเพื่อปลูกข้าวขาวหอมมะลิ 105 นาดำ ไถดะทิ้งไว้ประมาณ 15 วัน จึงไถแปร เพื่อกำจัดต้นอ่อนของวัชพืช ที่งอกขึ้นมาใหม่ โดยคราดวัชพืชให้จมอยู่ใต้โคลน ในขณะเดียวกันก็เกลี่ยปรับระดับ หน้าดิน จะทำให้ระดับน้ำในแปลงนาท่วมคลุมวัชพืชได้อย่างทั่วถึง

พื้นดินเป็นดินปนทรายและดินมีความเค็มเล็กน้อยบวกกับสภาพภูมิอากาศที่แห้งแล้งสลับชื้นลักษณะดังกล่าวทำให้ข้าวหอมมะลิ105 มีคุณภาพดี ยิ่งในฤดูกาลใดหากช่วงเก็บเกี่ยวพื้นนาแห้งสนิทไม่มีน้ำขังผสมกับอากาศที่หนาวเย็นจะทำให้ข้าวมีความหอมมากยิ่งขึ้น

เมื่อนำข้าวหอมมะลิมาทำการหุงจะมีความนุ่มพอดีมี กลิ่นหอม เมื่อข้าวเย็นตัวลงข้าวจะไม่แข็งตัว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของข้าวขาวดอกมะลิ105

ลักษณะสายพันธุ์

  • นิยมปลูกในฤดูนาปี จะมีกลิ่นหอมมาก เมื่อพบภาวะน้ำแห้งและอากาศเย็น
  • เป็นข้าวที่ไวต่อช่วงแสง (จะออกดอกเฉพาะช่วงกลางวันสั้น กลางคืนยาว และมีอากาศเย็น) เป็นข้าวหนัก คุณภาพดี
  • เก็บเกี่ยวได้ประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน อายุจนเก็บเกี่ยวประมาณ 120 งีย
  • ทนต่อสภาพดินเค็ม ดินเปรี้ยว ความแล้งได้ดี
  • ปริมาณอะมิโนต่ำ คือประมาณ 12-17 % (ยิ่งมีค่าต่ำเท่าไหร่ ยิ่งมีความหอมมาก

ผลผลิต

  • ประมาณ 363 กิโลกรัมต่อไร่

ลักษณะเด่น

  • ทนแล้งได้ดีพอสมควร
  • เมล็ดข้าวสารใส แกร่ง คุณภาพการสีดี
  • คุณภาพการหุงต้มดี อ่อนนุ่ม มีกลิ่นหอม
  • ทนต่อสภาพดินเปรี้ยว และดินเค็ม

ข้อควรระวัง

  • ไม่ต้านทานโรคใบสีส้ม โรคขอบใบแห้ง โรคไหม้ และโรคใบหงิก
  • ไม่ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยจักจั่นสีเขียว และหนอนกอ

ข้าวโภชนาการสูง (High nutrious rice) คือ ข้าวที่มีคุณค่าทางอาหาร ในปริมาณสูงกว่าข้าวทั่วไป มีสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อาทิเช่น สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งได้แก่ แอนโทไซยานิน(Anthocyanin) แกมมาโอไรซานอล(gamma oryzanol) วิตามินอี ในกลุ่มโทโคฟีรอล ฟลาโวนอยด์ ฟีโนลิก เป็นต้น ธาตุเหล็ก ธาตุสังกะสี และวิตามิน B1 B2 B3 โอเมก้า 3 6  9 และสาร ASGs (Acylated steryl glucosides) ช่วยการทำงานของอินซูลิน และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เป็นต้น

ประโยชน์ของข้าวหอมดอกมะลิ

1. ช่วยลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด

เนื่องจากในข้าวหอมมะลิมีสารตัวหนึ่งชื่อว่า Gamma –Orzanol ซึ่งสารตัวนี้มีคุณสมบัติในการช่วยลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ดังนั้นจึงมีผลทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตของเราทำงานได้อย่างเป็นปกติ เลือดจึงสามารถไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดี ทำให้อวัยวะสำคัญของร่างกายอย่าง หัวใจ ตับ ไต มีเลือดไปเลี้ยงเพียงพอ อวัยวะใดที่เสื่อมสภาพก็กลับมาทำงานได้เป็นปกติ เรียกว่าเกิดผลดีต่อเนื่องไปหลายส่วนเลยทีเดียว

2. ช่วยลดอัตราการเกิดโรคต่างๆ

ไม่น่าเชื่อว่าแค่การรับประทานข้าวหอมมะลินั้น จะมีส่วนช่วยลดอัตราความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ได้ ทั้งโรคหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคเบาหวาน โรคภูมิแพ้ และโรคความจำเสื่อม เพราะเราอาจเข้าใจกันแบบง่ายๆ เลยว่า การรับประทานข้าวเข้าไปอย่างไรเสียก็ย่อมเกิดผลดีต่อร่างกายอย่างแน่นอน เหมือนดังที่คนสมัยก่อนมักพูดกันอยู่เสมอว่า “กินข้าวได้เสียก็ไม่เป็นอะไรหรอก”

3. ลดระดับ LDL

ข้าวหอมมะลิมีส่วนในการช่วยลดระดับแอล ดี แอล คอเลสเตอรอล ซึ่งคอเลสเตอรอลชนิดนี้ก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายของเรา ดังนั้นเมื่อเรารับประทานข้าวหอมมะลิเข้าไป ระดับ แอล ดี แอล คอเลสเตอรอลก็จะลดลง ไม่ก่อให้เกิดระดับไขมันและคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดสูง

4. ช่วยเพิ่มระดับ HDL

ข้าวหอมมะลิมีส่วนในการช่วยเพิ่มระดับ เอช ดี แอล คอเลสเตอรอล ซึ่งคอเลสเตอรอลชนิดนี้ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายของเรา ดังนั้นเมื่อเรารับประทานข้าวหอมมะลิเข้าไป ระดับ เอช ดี แอลคอเลสเตอรอลก็จะเพิ่มมากขึ้น และร่างกายของเราก็จะได้รับประโยชน์

ประโยชน์และคุณค่าทางสารอาหารของ ข้าวหอมดอกมะลิ 105 ทุ่งสัมฤทธิ์

1. ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด : ข้าวชนิดนี้มีสาร Gamma –Orzanol ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการสะสมของคอเลสเตอรอลในเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง : จากการวิจัยที่ผ่านมายืนยันแล้วว่า การรับประทานข้าวชนิดนี้เป็นประจำในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ โรคตับ โรคเบาหวานและโรคความจำเสื่อมได้

3. ลดระดับ LDL ในร่างกาย : หากรับประทานเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดและโรคความดันโลหิตสูงในอนาคตได้

4. เพิ่มระดับ HDL ในร่างกาย : HDL ถือเป็นไขมันตัวดีที่จะช่วยทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายสามารถทำงานประสานสัมพันธ์กันได้อย่างดี ซึ่งการทานข้าวชนิดนี้จะเข้าไปช่วยเพิ่มระดับไขมัน HDL ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

5. ระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้น : ส่วนประกอบภายในข้าวหอมมะลิจะมีสารที่ช่วยทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

6. มีโอเมก้า3 : โอเมก้า3 ไม่ได้มีอยู่แค่ในปลาทะเลแต่เพียงเท่านั้น ภายในข้าวชนิดนี้ก็มีกรดดังกล่าวด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งโอเมก้า 3 เป็นสารที่จะช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง และช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อมได้

7. มีโอเมก้า 6 : ภายในข้าวหอมจะมีโอเมก้า 6 ที่จะช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ช่วยพัฒนาระบบสืบพันธุ์ และช่วยลดภาวะการมีบุตรยากได้

8. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน : เนื่องจากข้าวชนิดนี้มีวิตามินอีสูง จึงช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้น และลดการเกิดโรคหวัดลงได้

9. ช่วยบำรุงผิวพรรณ : ในข้าวจะมีสารเซราไมด์ ที่มีคุณสมบัติช่วยทำให้ผิวนุ่มนวลน่าสัมผัส ลดเลือนฝ้า กระและจุดด่างดำและที่สำคัญคือช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย

10. ช่วยลดอาการอักเสบ : เนื่องจากในข้าวชนิดนี้มีสารไตรกรีเซอไรด์ ที่มีคุณสมบัติช่วยลดบวม ลดการอักเสบ จึงทำให้แผลหายได้อย่างรวดเร็ว

สรุป คุณค่าทางโภชนาการ

ช่วยบำรุงร่างกาย เพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย ฟื้นฟูกำลัง ป้องกันอาการอ่อนเพลีย ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร(วิตามินบี 2) บำรุงสุขภาพผิวหนังและลิ้นได้ (วิตามินบี 3) ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส (วิตามินอี) ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง (ฟอสฟอรัส) ป้องกันและเสริมสร้างการสึกหรอของร่างกาย (โปรตีน)

ข้าวหอมดอกมะลิ 105 ทุ่งสัมฤทธิ์

ไปที่ร้านค้า -> ดีจริงฟาร์ม

สนใจ ข้าวหอมดอกมะลิ 105 ทุ่งสัมฤทธิ์ ของ ดีจริงฟาร์ม ติดต่อได้ที่

Tel : 093 539 8593
Line : 093 539 8593
Facebook : ดีจริงฟาร์ม เพ็ญสิริ

KC Mart ยังมีสินค้าที่น่าสนใจให้เลือกอีกมาก คลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ