เมนูอาหารจากปลา คุณค่าทางอาหารสูง เหมาะสำหรับรักษาและป้องกันโรค

คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาทานปลากันมากขึ้น ด้วยปริมาณไขมันชนิดไม่อิ่มตัวที่สูง และคอเลสเตอรอลต่ำ ปลาจึงถูกนำมาใช้เป็นอาหารรักษาและป้องกันโรคต่าง ๆ

ประโยชน์จากปลา

โภชนาการ หมายถึง อาหารที่เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ แล้วร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์ในด้านการเจริญเติบโต การค้ำจุน และการซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เป็นการคัดเลือกอาหารและเตรียมอาหาร และการย่อยเพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหาร การทานอาหารเพื่อสุขภาพสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพได้หลายอย่างดังนั้นการได้อาหารที่เพียงพอและถูกสัดส่วน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับมนุษย์ เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง

ปลา มีหัวใจสองห้องและมีขากรรไกร เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำ จัดอยู่ในสัตว์มีกระดูกสันหลัง เป็นสัตว์เลือดเย็น หายใจด้วยเหงือกและสามารถเคลื่อนไหวไปมาด้วยครีบและกล้ามเนื้อของลำตัว บางชนิดไม่มีเกล็ดแต่ปกคลุมด้วยเมือกลื่น ๆ บางชนิดมีเกล็ดปกคลุมทั่วตัว หรือแผ่นกระดูก

คนที่กำลังลดน้ำหนักหรือไม่อยากเพิ่มไขมันไม่ต้องกังวลใจไป เมนูอาหารจากปลา ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูงและเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยม เนื่องจากมีโปรตีนที่ดีและอุดมด้วยไขมัน เพราะไขมันในปลานั้นน้อยกว่าไขมันจากสัตว์ชนิดอื่น เนื้อปลารสชาติดีและปลาบางชนิดยังมีโอเมก้า-3 (Omega 3) เป็นกรดไขมันมีประโยชน์ช่วยเพิ่มสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด พบได้ในปลาแซลมอน ยิ่งเป็นปลาแซลมอนที่อยู่ตามธรรมชาติจะมีวิตามินและแร่ธาตุสูงมาก ช่วยระบบประสาทของร่างกาย จะทำหน้าที่เป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นในการผลิตฮีโมโกลบินในร่างกาย ปลาอีกชนิดที่แนะนำคือปลาซาร์ดีน ช่วยบำรุงผิวหนังเสริมสร้างกระดูก ป้องกันโรคหัวใจ รวมถึงป้องกันมะเร็งบางชนิด ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันและช่วยควบคุมความดันโลหิต ดังนั้น การหันมากิน เมนูอาหารจากปลา กันเถอะเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง

ประเทศที่อยู่แถบนอร์เว สกอตแลนด์ และญี่ปุ่น จะให้ความสำคัญกับปลามาเป็นอันดับหนึ่ง รองลงไปคือ เนื้อสัตว์ชนิดต่าง ๆ ซึ่งตรงข้ามกับความรู้สึกของคนโดยทั่ว ๆ ไปมักจะให้ความสำคัญของปลารองลงมาจากอาหารพวกเนื้อสัตว์ เนื้อหมู เนื้อวัว หรือเนื้อไก่

คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาให้ความสนใจ เมนูอาหารจากปลา กันมากขึ้น เพราะคุณค่าอาหารของปลา ในแง่ของปริมาณไขมันชนิดไม่อิ่มตัวที่มีปริมาณสูง แต่มีปริมาณคอเลสเตอรอลต่ำ เราจึงนำปลามาใช้เป็นอาหารที่รักษาและป้องกันโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคไขมันอุดตันในหลอดเลือด นอกจากชนิดและปริมาณของไขมันแล้ว ปลายังนับว่าเป็นอาหารที่มีความเหมาะสมต่อร่างกายของคนเรา เพราะมีโปรตีนและแร่ธาตุในปริมาณสูง ปลาเป็นแหล่งอาหารโปรตีน เพราะโปรตีนที่ได้จากปลาจะมีกรดอะมิโนที่จำเป็นครบถ้วน และมีประสิทธิภาพการใช้ของโปรตีนและการใช้ให้เป็นประโยชน์ในร่างกายได้ผลดีรองจากไข่และนม

เมนูอาหารจากปลา

ปลาอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ ๆ วิตามินในเนื้อปลาขึ้นกับปริมาณไขมัน ถ้ามีปริมาณไขมันสูงก็จะมีวิตามินที่ละลายในไขมัน (เอ, ดี, เค) สูงตามไปด้วย วิตามิน เอ และ ดี จะสะสมไว้มากที่ตับและไส้ปลา พบว่าปลาทุกชนิดจะมีวิตามิน บี เช่น ไทอามีน (บี 1), ไรโบฟลาวิน (บี 2) และไนอาซีน ซึ่งวิตามิน บี เหล่านี้มีผลต่อการทำงานของระบบอวัยวะต่าง ๆ เช่น ระบบทางเดินอาหาร ระบบประสาท และหัวใจ ส่วนมากเป็นไอโอดีน ต่ำ ถ้ากินแต่เนื้อปลาทะเล มีฟอสฟอรัส และเหล็ก (ต่ำกว่าในเนื้อสัตว์) แต่มีแคลเซียมในปริมาณที่ เพราะแคลเซียม ส่วนมากจะอยู่ที่กระดูกของปลา ส่วนโซเดียมนั้นพบว่ามีต่ำเช่นเดียวกัน (ยกเว้นในปลาฉลาม) 

คุณค่าอาหารที่ดีของปลามีมาก โดยเฉพาะโปรตีน จึงได้มีการนำปลามาใช้ในการพัฒนาสุขภาพ โดยมีการส่งเสริมให้มีการเพาะเลี้ยงปลาเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น ฤดูฝนน้ำหลากมามีปลามากจนเหลือ หลังจากกินสด ๆ ยังสามารถถนอมปลาไว้กินเมื่อยามขาดแคลน โดยอาจจะเก็บแบบรมควัน ทำปลาแห้ง ปลาเค็ม ปลาร้า หรือปลากระป๋อง เป็นต้น 

การรมควันนั้น ทำให้โปรตีนและไขมันมีค่าสูงขึ้น เพราะมีการระเหยของน้ำออกไป และมีผลเสียเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่มีผลเลยต่อวิตามินที่ละลายในไขมัน การสูญเสียกรดอะมิโนบางตัว เช่น ไทโลซีน และไลซีน เป็นต้น ส่วนจะสูญเสียมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ และเวลาที่ใช้ในการรมควัน ส่วนปลากระป๋องจะมีการทำลายวิตามิน เอ และ ดี ไปบ้างบางส่วนถึงแม้จะมีทั้งวิตามินทั้ง 2 ตัวนี้สูงก็ตาม

เนื้อปลายังมีไขมันที่ดีต่อร่างกายประมาณ 1 ถึง 10% ของน้ำหนักปลา สารอาหารหลักๆ ในเนื้อปลานั้นอุดมไปด้วยโปรตีนที่ย่อยง่าย ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที ขึ้นอยู่กับชนิดของปลา ในบรรดาไขมันที่ดีต่อร่างกายและพบได้มากในเนื้อปลา คือ มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวกลุ่มโอเมก้า-3 ได้แก่ กรดไขมันดีเอชเอ (DHA) และกรดไขมันอีพีเอ (EPA) ซึ่งมีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย เช่น ป้องกันโรคหัวใจ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคภูมิแพ้หอบหืด บำรุงสมองเส้นประสาทและสายตา รวมถึงการพัฒนาสมองของทารกให้สมบูรณ์ 

มีข้อจำกัดคือ ไม่ควรบริโภคกรดโอเมก้า-3 มากจนเกินไป เนื่องจากกรดไขมันโอเมก้า-3 มีประโยชน์ช่วยลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด สำหรับปริมาณโอเมก้า-3 ที่แนะนำให้บริโภคโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) คือ ควรรับประทาน DHA และ EPA ในปริมาณ 0.3-0.5 กรัมต่อวัน หรือ ควรรับประทานปลาที่เป็นแหล่งกรดไขมันโอเมก้า-3 อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง 

การเลือกรับประทานอาหารที่มีสัดส่วนของกรดไขมันโอเมก้า-6 ต่อ กรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ต่ำ (ต่ำกว่า 5) เนื่องจากเมื่อร่างกายได้รับกรดไขมันโอเมก้า-6 มากจนเกินไป อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มมีความกังวลใจเกี่ยวกับการบริโภคปลาน้ำจืดเนื่องจาก ในปลาน้ำจืดบางชนิดมีปริมาณกรดไขมันโอเมก้า-6 สูง แต่อย่างไรก็ตามมีงานวิจัยวิเคราะห์สัดส่วนปริมาณของกรดไขมันโอเมก้า-6 ต่อ กรดไขมันโอเมก้า-3 ในเนื้อปลาน้ำจืด พบว่า มีกรดไขมันโอเมก้า-6 ปริมาณที่ต่ำ (ช่วง 0.5 ถึง 4.5) จึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

เนื่องจากปลาแต่ละชนิดจะเติบโตมาด้วยอาหารและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ควรเลือกรับประทานปลาให้หลากหลายชนิด เลือกซื้อปลาจากแหล่งที่มีมาตรฐานเชื่อถือได้ เกษตรกรไทยพัฒนาการเพาะเลี้ยงปลาที่มีคุณภาพมากขึ้น สำหรับการประกอบอาหารเมนูปลาควรเลือกวิธีการปรุงสุกที่ใช้ความร้อนไม่สูงมากนัก เช่น การนึ่ง ต้ม ผัด เนื่องจากกรดไขมันโอเมก้า-3 รวมไปถึงสารอาหารต่าง ๆ และวิตามินที่มีประโยชน์จะสลายตัวที่ความร้อนสูงมาก ทั้งนี้การรับประทานอาหารที่ดีนั้น แนะนำว่าควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลายอย่างเหมาะสม เพียงพอ และครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน

เมนูอาหารจากปลา

เมนูอาหารจากปลา มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างดียิ่ง สรุปได้ดังนี้คือ

  1. ปลาทะเลทุกชนิดมีแร่ธาตุไอโอดีน ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต
  2. ปลามีปริมาณพิวรีน (purine) สูงเหมือนในเนื้อต่าง ๆ ที่มีสีแดง ดังนั้น คนที่เป็นโรคเกาต์ควรหลีกเลี่ยงเช่นเดียวกัน
  3. ปลาเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของวิตามิน เอ ดี และ บี
  4. ปลาเป็นแหล่งโปรตีน ที่สำคัญรองลงมาจากเนื้อสัตว์และไข่
  5. ปลาให้พลังงานน้อยกว่าเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะพวกเนื้อสันใน เนื้อไม่ติดมัน ยกเว้นปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาเฮอริ่ง ปลาสวาย
  6. ปลามีแร่ธาตุแคลเซียมต่ำ ยกเว้นในกรณีที่เราสามารถกินได้ทั้งตัว (กระดูกและเนื้อ)
  7. ปลามีปริมาณไขมันต่ำ (ยกเว้นในปลาที่มีไขมันสูงบางชนิดเท่านั้น) และไขมันในปลาส่วนมาก เป็นไขมันที่ไม่อิ่มตัว ซึ่งสามารถลดโคเลสเตอรอลในเลือดได้ และปริมาณโคเลสเตอรอลในเนื้อปลามีปริมาณต่ำ จึงนิยมนำไปใช้ในการรักษา และป้องกันโรคไขมันอุดตันในหลอดเลือด
  8. ปลาน้ำจืดเป็นแหล่งสะสมพยาธิ ถ้าจะกินควรกินสุก ไม่ใช่สุกดิบ ๆ หรือกินปลาดิบ ๆ เพราะปลามีตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับ

ภูนภาฟาร์ม ใส่ใจผู้บริโภคดุจคนในครอบครัว

– ภูนภาฟาร์ม

ไปที่ร้านค้า -> ภูนภาฟาร์ม


สำหรับท่านที่สนใจ สินค้า ของ ภูนภาฟาร์ม ติดต่อได้ที่

ภูนภาฟาร์ม 
21/434 หมู่ 5 บ้านเอื้ออาทรโนนสมอ  ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ 36000
Tel. : 093 825 9463, 093 426 6256
ID Line : vit4019 
Link Line : https://line.me/ti/p/v6kONY9KAe
Face book : ภูนภาฟาร์ม

KCmart ยังมีสินค้าให้เลือกอีกมาก คลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ